หลวงพี่เท่ง Come Back

หลวงพี่เท่ง Come Back

เรื่องย่อ หลวงพี่เท่ง พระชายหนุ่มหลักแหลม ที่ย้ายมาจำวัดทรุดโทรมๆในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เวลาที่ประชาชนไม่มีศรัทธาในศาสนาและก็หลงโง่เขลาในความเชื่อถือทรงเจ้าเข้าผีที่อาศรมของท่านเพิ่มเป็นที่พึ่งพิงทางจิตใจ และก็การขอฝนในช่วงฤดูที่แล้งหลวงพี่เท่งก็เลยตั้งประณิธานกับจิตใจตนที่จะปรับปรุงจิตใจของราษฎรไปในทางที่ถูกโดยมีสองศิษย์สุดบ้ารอช่วยเหลือ มัคฑายค ผู้ชายวัยกลางคน ที่อยู่กับวัดมาตั้งแต่เด็ก กลับกลัวผีขึ้นสมอง เจ้าบ้าเด็กวัยหนุ่มดูดีลีลาบ้าหลงใหลหม้อพะเนียงสาวเจ้าสุดหัวใจ

มักแอบดูหม้อพะเนียงเวลาทรงเจ้าเสมอๆแม้เมื่อใดก็ตามแอบดูหม้อพะเนียงบ้าจะถูกทำร้ายกลับมาทุกครั้ง อาศรมของท่านเพิ่มเป็นอาศรมที่เปิดขึ้นเพื่อเอาเงินโดยแนวทางทรงเจ้า โดยให้หม้อพะเนียงบุตรสาวคนงามปฏิบัติหน้าที่เป็นคนเจ้าเข้าเจ้าเข้าทรงพร้อมกับ พี่น้ำหมึก ลูกน้องตัวยุ่ง ที่ร่วมกรรมวิธีหลอกเงินประชาชน เมื่อหลวงพี่เท่งเข้ามาสร้างความศรัทธาที่ถูกราษฎรเริ่มเชื่อถืออาศรมลดน้อยลง ท่านเพิ่มมีอคติรวมทั้งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับหลวงพี่เท่งก็เลยอุตสาหะกำจัดหลวงพี่เท่ง โดยร่วมมือกับนักปรับปรุงตุ๋ย ว่าที่ผู้สมัครอบต .ชายสองหน้าใช้ท่านเพิ่มเป็นหัวคะแนนสำหรับการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งแลกเปลี่ยนกับความร่วมแรงร่วมใจสำหรับในการกำจัดหลวงพี่เท่ง โดยการปล่อยข่าวและก็ส่งบริวารไปรังควานผู้ที่เชื่อพระมากยิ่งกว่าเจ้าพ่อในอาศรม

การบรรลุเป้าหมายและก็ข้อคิดเห็น

หลวงพี่เท่ง Come Back

หลวงพี่เท่ง นับเป็นภาพยนตร์เรื่องที่ 2 จากการควบคุมเองของบำเรอ ผ่องแผ้วอินทรีย์ หรือ โน้ต ชักชวนยิ้ม ศิลปินตลกโด่งดัง ภายหลังจากประสบความล้มเหลวมาแล้วจาก คนปีมะ ภาพยนตร์เรื่องแรกซึ่งได้ผลสำเร็จงานก่อนหน้านั้น สำหรับภาพยนตร์ประเด็นนี้สามารถทำรายได้จากการฉายถึง 141.86 ล้านบาท ถือได้ว่าเป็น 1 ในรูปภาพยนตร์ไทยที่บรรลุผลสำเร็จทางรายได้เป็นอย่างมาก ลบคำดูถูกที่ว่าศิลปินตลกมากำกับเองแล้วจะประสบความล้มเหลว กระทั่งควรมีการผลิตภาคถัดมาหมายถึงหลวงพี่เท่ง 2 รุ่นฮารวย

หลวงพี่เท่ง หลวงพี่เท่ง Come Back เป็นภาพยนตร์ตลกที่ออกฉายในปี พุทธศักราช 2548 โดยมี ดงษ์ศักดา ดงษ์ทอง (เท่ง เถิดเทิง) เป็นผู้กำกับแล้วก็นำแสดง เรื่องราวเล่าถึง “เท่ง” หนุ่มน้อยที่ซ่อนหนีจากการใช้ชีวิตในเมืองไปบรรพชาเป็นพระภิกษุสงฆ์ที่วัดต่างจังหวัดที่ห่างไกล เพื่อตามหาความสงบเงียบ แต่จะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่วุ่นวายแล้วก็ขำขัน

ภาพยนตร์เน้นย้ำที่การสะท้อนภาพชีวิตรวมทั้งวัฒนธรรมบ้านนอกไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิถีชีวิตของราษฎรรวมทั้งพุทธ ความตลกที่ได้จากภาพยนตร์นี้มีสาเหตุจากการเผชิญหน้าระหว่างวิถีชีวิตของ “เท่ง” ซึ่งเป็นคนกรุงกับการใช้ชีวิตเรียบง่ายของประชาชนแล้วก็พระในวัด แม้ว่าจะเป็นภาพยนตร์ตลก แต่ว่าก็ซ่อนเร้นไปด้วยการติชมสังคมในด้านของจริยธรรมแล้วก็ความเลื่อมใส

จุดเด่น ของภาพยนตร์เป็นการประสมประสานระหว่างความตลกขบขันแล้วก็การสื่อถึงข้อคิดเตือนใจชีวิต มีฉากที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกจับใจรวมทั้งเข้าใจในเรื่องจุดสำคัญของการมีสติสัมปชัญญะแล้วก็การทำบุญทำกุศล เวลาเดียวกันยังสามารถสร้างความเพลิดเพลินได้อย่างดีเยี่ยม

แม้กระนั้นจุดบกพร่องของหนังบางทีอาจอยู่ที่บางมุกขบขันที่บางทีอาจไม่ทันยุคแล้วก็บางทีอาจรู้สึกซ้ำจากจำเจไปบ้างในบางช่วง แต่ว่าโดยรวมแล้ว หลวงพี่เท่ง เป็นภาพยนตร์ที่ทำให้ผู้ชมรู้สึกบรรเทากับข้อคิดเตือนใจดีๆ

หลวงพี่เท่ง 2 รุ่นฮารวย The Holy Man 2

เป็นภาพยนตร์ตลกที่ออกฉายในปี พุทธศักราช 2551 เป็นภาคต่อจากการบรรลุเป้าหมายของ “หลวงพี่เท่ง” ภาคแรก แต่ว่าในคราวนี้ไม่มีเท่ง เถิดเทิงร่วมนำแสดง โดยคนที่มารับบทพระใหม่ในภาคนี้เป็น โหน่ง ชะชะช่า (ยกศักดา ใหม่สุข) แทน ซึ่งสร้างความสดใหม่และก็เอกลักษณ์ที่ไม่เหมือนกันกับภาคแรก

หลวงพี่เท่ง Come Back เรื่องราวในภาคนี้ย้ำที่ “หลวงพี่โจ” (โหน่ง ชะชะช่า) พระชายหนุ่มจากจังหวัดกรุงเทพ ที่ถูกส่งมายังวัดบ้านนอก ซึ่งเป็นวัดที่ขาดแล้วก็มีประชาชนที่เลื่อมใสในความเชื่อถือโบราณอย่าง “บิดาปู่” มากยิ่งกว่าเชื่อถือในศาสนาพุทธ หลวงพี่โจก็เลยจะต้องใช้สติปัญญาและก็พรสวรรค์สำหรับเพื่อการนำราษฎรกลับมาเชื่อถือในพุทธ กับแก้ไขต่างๆที่เกิดขึ้นในหมู่บ้าน

จุดแข็งของภาพยนตร์เป็นการนำเสนอเรื่องราวผ่านมุกขบขันแบบตลกที่เป็นเอกลักษณ์ของโหน่ง ชะชะช่า ที่สร้างเสียงหัวเราะได้อย่างสม่ำเสมอ โดยยิ่งไปกว่านั้นการใช้ภาษาพื้นบ้าน การเล่นมุกแบบตรงไปตรงมารวมทั้งการเผชิญหน้ากับเหตุการณ์ที่หลวงพี่โจไม่เคยพบมาก่อนในเมือง นอกเหนือจากนั้น หนังยังสะท้อนถึงปัญหาเกี่ยวกับทางศาสนาในปัจจุบัน อาทิเช่น การขาดเลื่อมใสในศาสนาและก็การหันไปพึ่งความเชื่อถือแบบไม่ถูกๆซึ่งเกิดเรื่องที่ยังคงเชื่อมโยงกับชีวิตจริงของคนประเทศไทยได้อย่างดีเยี่ยม

แม้กระนั้น ภาพยนตร์มีข้อเสียอยู่บ้าง ดังเช่น เรื่องราวที่ค่อนข้างจะคาดคะเนได้ง่าย รวมทั้งการใช้มุกขำขันที่บางเวลาบางทีอาจมองเหลือเกินหรือซ้ำจากจำเจ ทั้งการขาดหายของผู้แสดงเด่นจากภาคแรกอย่างเท่ง เถิดเทิง ก็ทำให้บางบุคคลมีความคิดว่าภาพยนตร์ไม่มีเสน่ห์ที่เคยมี

สรุปแล้ว หลวงพี่เท่ง 2 เป็นภาพยนตร์ตลกเบาสมองที่เหมาะกับผู้ที่อยากได้พักและก็หัวเราะกับมุกฮาๆจากโหน่ง ชะชะช่า แม้ว่าจะไม่สามารถที่จะสร้างความตรึงใจได้เท่าภาคแรก แต่ว่าก็ยังคงความสนุกสนานรวมทั้งแง่คิดเกี่ยวกับชีวิต

การผลิต ในตอนก่อนถ่ายทำนั้นแผนเดิมอยากที่จะให้เท่ง

หลวงพี่เท่ง Come Back

เถิดเทิงมารับบทหลวงพี่เท่งอีกที แต่กำเนิดปัญหาเกี่ยวกับคำสัญญาทางสังกัดเดิมอย่าง เวิร์คพอยท์ เอ็นเทอร์เทนเมนท์ ทำให้ ไม่สามารถที่จะดึงผู้แสดงมาคนรับบทหลวงพี่เท่งในภาคนี้ได้ ก็เลยแปลงผู้แสดงนำฝ่ายมาเป็น สิทธิพิเศษ โอภาสใหม่เอี่ยมลิขิต หรือ โจอี้ บอย นักร้องเพลงแร็พโด่งดัง มาเป็นหลวงพี่โจอี้ อดีตกาลนักร้องเพลงแร็ปที่หันไปสู่ทางธรรม ในหัวข้อนี้โจอี้ บอย ได้ใช้ความรู้ของตนเองสำหรับเพื่อการแต่งแล้วก็แสดงธรรมบทแสดงธรรมแบบแร็พมาประกอบในรูปภาพยนตร์ ภาพยนตร์ลงทุนสร้างกว่า 42 ล้านบาท ทำรายได้รวม 85 ล้านบาท

ต่อจาก หลวงพี่เท่ง 2 รุ่นฮามั่งมี แม้ว่าจะไม่อาจจะเท่ากันการบรรลุเป้าหมายของภาคแรกได้ แม้กระนั้นภาพยนตร์ก็ยังคงความสนุกสนานร่าเริงในต้นแบบของภาพยนตร์ตลกไทยที่มีมุกฮาเรียบง่าย ที่สามารถเข้าถึงผู้ชมได้อย่างมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนๆของโหน่ง ชะชะช่า ที่ติดตามผลงานของเขาอยู่แล้ว

หนึ่งในจุดเด่นของหนังเป็นการเล่นหลักสำคัญเรื่องความศรัทธาที่ไม่ถูกๆของประชาชนในหมู่บ้านบ้านนอก และก็การเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการบรรพชาพระที่มิได้เป็นเพียงแต่การหลบหลีกหลีกหนีปัญหา แม้กระนั้นเป็นการช่วยเหลือชุมชนด้วยสติปัญญารวมทั้งความดีงาม ซึ่งนับว่าเป็นข้อคิดเตือนใจที่ดีในสังคมไทยที่ยังคงมีหัวข้อนี้อยู่

แม้การหายไปของนักแสดงหลักจากภาคแรกอย่าง “หลวงพี่เท่ง” จะก่อให้ผู้ชมบางกรุ๊ปมีความคิดว่าภาพยนตร์ขาดความเกี่ยวเนื่อง แล้วก็อาจจะก่อให้แฟนคลับของเท่ง เถิดเทิงผิดหวัง แต่ว่าการที่โหน่ง ชะชะช่า เล่นบทนำกลับทำให้หนังมีความสดใหม่ในด้านของมุกเฮฮาแล้วก็ขั้นตอนการเสนอ

หลวงพี่เท่ง 3 เป็นภาพยนตร์ภาค 3 ของชุด “หลวงพี่เท่ง” ออกฉายช่วงวันที่ 12 ส.ค. พุทธศักราช 2553 ดูแลโดย บำเรอ ผ่องแผ้วอินทรกุล (โน้ต ชักชวนยิ้ม) แล้วก็ จิตต์สินธ์ ผ่องใสอินทรกุล (โน้ต จูเนียร์) โดยตัวละครเป็นหลวงพี่ในภาคนี้เป็นกฤษดา สุหีบศพล แคลปป์ หรือ น้อย วงพรู ผู้เรียนนอกแล้วก็นักร้องมีชื่อเสียงที่เบือนหน้าไปสู่ร่มเงาที่ศาสนาพุทธเพื่ออบรมบ่มนิสัยจิตใจที่ว้าวุ่น แล้วก็หลีกลี้จากปัญหา โดยมีนิสัยเป็นคนรกโลกนิดๆแต่ว่าก็มีความรู้ความเข้าใจในหลักความจริงหลายแบบ1

เรื่องย่อ หลวงพี่เท่ง 3 The Holy Man III

หลวงพี่เท่ง Come Back เรื่องราวของ น้อย (น้อย วงพรู) นักร้องชายหนุ่มมาดเซอร์ ที่มานะจะหลบลี้จากโลกที่วุ่นวาย รวมทั้งข้อเท็จจริงที่ตัวเองได้รับ โดยแนวทางที่เค้าเลือก เพื่อหวังจะเจอกับความสงบเงียบนั้นหมายถึงความเคลื่อนไหว จากนักร้องชายหนุ่มเป็นพระ พระน้อย ผู้ซึ่งยังคงมีความมั่นใจในตัวเอง เป็นพระขวางโลก รักความเป็นธรรม พูดจากำปั้นทุบดิน เป็นคนตรงราวกับไม้บรรทัด

ที่มาบรรพชาเนื่องจากว่าเบื่อสังคม เบื่อชาวไทยไม่รักกัน เบื่อความผิดใจกัน แม้กระนั้นทางในชีวิตเส้นนี้ของเค้าไม่เป็นไปดังหวัง เนื่องจากว่าในวัดที่เค้าบรรพชา ยังมี พระเป็นเยี่ยม (อุ๋ย บูดาเบลส), พระโยกเยก (โยกเยก ชวนยิ้ม), ตาส่ง (โน้ต เชื้อเชิญยิ้ม) มรรคนายกประจำวัด แล้วก็ ลูกศิษย์วัดตัวยุ่ง อีก 2 คน (เอ็ม บูดาเบลส, แจ็ค แฟนฉัน) ที่รอทำให้เกิดความอลหม่านให้วัดอยู่ตลอด ไม่เพียงเท่านั้นเค้ายังจำต้องเจอกับเรื่องอลม่านปั่นป่วนจิตจนกระทั่งจะต้องเข้าไปมีส่วนร่วม

แนวทางการทำภาพยนตร์ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสถาบันหลักๆนั้น ผู้กำกับหลายท่านพากเพียรเลี่ยงไม่ได้อยากต้องการจะทำ บางทีอาจจะเป็นเพราะเหตุว่าเสี่ยงกับการเช็ดกติชมในด้านลบต่างๆรวมทั้งเมื่อทำออกมาและเสี่ยงกับการเช็ดกเซ็นเซอร์จากทาง กรัมบริษัทว. ตัดในส่วนพื้นที่ผู้กำกับตั้งมั่นเสนอออกไป เหตุผลเนื่องจากว่า

ไม่ควรที่จะอ้างหรือเอ่ยถึงในสถาบันนั้นๆสถาบันครอบครัวบางทีอาจจะไม่เท่าไหร่ แต่ว่าถ้าเกิดเลื่อนขึ้นไปเป็นสถาบัน “ศาสนา” ด้วยแล้ว อัตราการเสี่ยงที่ภาพยนตร์ประเด็นนั้นจะถูกเซ็นเซอร์ยิ่งเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเป็นเท่าตัว แม้กระนั้นทั้งนี้ทั้งนั้น “โน้ต ชวนยิ้ม” ผู้กำกับนักแสดงตลกมือทองคำของไทยพวกเรา ก็กล้าพอที่จะเสี่ยงกับเรื่องกลุ่มนี้ แล้วก็เมื่อได้รู้

หลวงพี่เท่ง 3 เป็นภาคต่อของภาพยนตร์ตลกมีชื่อเสียงที่ออกฉายในปี พุทธศักราช 2553 โดยในภาคนี้เรื่องราวได้เดินไปในแนวทางใหม่อีกรอบ โดยมี “น้อย วงพรู” (เกียรติ อุดมนาค) มารับบท “หลวงพี่” แทนโหน่ง ชะชะช่า แล้วก็เท่ง เถิดเทิง ซึ่งเคยเล่นบทนำในภาคก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ทำให้โทนแล้วก็บรรยากาศของภาพยนตร์ต่างจากสองภาคแรกพอเหมาะพอควร

เรื่องราวในภาคนี้เล่าถึง “หลวงพี่เสือ”

หลวงพี่เท่ง Come Back

หลวงพี่เท่ง Come Back สมัยก่อนอันธพาลที่บรรพชาเพื่อปรับปรุงแก้ไขชีวิตแล้วก็จำต้องมารับภาระหน้าที่สำหรับเพื่อการเป็นเจ้าอาวาสของสงฆ์ที่อยู่ในบ้านนอกไกลห่าง แต่ว่าประชาชนยังคงเลื่อมใสต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์รวมทั้งไสยเวทมากยิ่งกว่าพุทธศาสนา หลวงพี่เสือจะต้องใช้ความสามารถแล้วก็เลื่อมใสของตนสำหรับเพื่อการเปลี่ยนความเชื่อถือแล้วก็ความประพฤติของราษฎร พร้อมเจอหน้ากับความท้าที่ท้าเชื่อถือรวมทั้งความทรหดอดทนของเขา

คุณลักษณะเด่น ของภาพยนตร์นี้อยู่ที่การประสมประสานความขำขันแล้วก็ดราม่าเข้าด้วยกัน โดยมุกตลกขบขันที่แทรกเข้ามาในแต่ละฉากถูกผลิตขึ้นจากการเล่นกับบุคลิกลักษณะที่แตกต่างกันของหลวงพี่เสือ ซึ่งเคยเป็นอันธพาลมาก่อน ความขรึมของน้อย วงพรู ตัดกับเหตุการณ์ขำขันในหนัง กระตุ้นให้เกิดบรรยากาศที่แปลกใหม่แล้วก็บันเทิงใจในแบบที่ไม่เหมือนกันกับภาคก่อนๆ

หากว่า หลวงพี่เท่ง 3 จะพรีเซนเทชั่นมุกเฮฮาและก็ข้อคิดเตือนใจที่ใกล้เคียงกับภาคก่อนหน้า แต่ว่าการขาดความเกี่ยวพันกับนักแสดงหลักจากสองภาคแรกอาจจะเป็นผลให้ผู้ชมบางกรุ๊ปมีความคิดว่าภาพยนตร์ขาดความเกี่ยวเนื่อง นอกเหนือจากนี้ บทของหนังบางทีอาจมิได้มีความสลับซับซ้อนมากเท่าไรนัก แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เรื่องราวนี้น่าดึงดูดเป็นการนำเสนอความไม่ถูกกันระหว่างความศรัทธาเริ่มแรกรวมทั้งความศรัทธาทางพุทธ ซึ่งเป็นใจความสำคัญที่ยังคงเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตของคนภายในต่างจังหวัดไทย

“หลวงพี่เท่ง Come Back”

หลวงพี่เท่ง Come Back จัดเตรียมกลับมากู้เลื่อมใสชาวพุทธอีกรอบ โดยในคราวนี้ นครหลวงฟิลม์ ได้ผนึกกำลัง “โน้ต ชวนยิ้ม” กลับมารับหน้าที่ผู้กำกับอีกที พร้อมด้วย “เท่ง เถิดเทิง” ที่กลับมาสวมสบงรับบทบาทอันเป็นตำนานของเขาอีกทีด้วยเหมือนกัน ติดตามการกลับมาของท่านได้ อีกไม่นานเกินคอย เร็วๆนี้ ในโรงหนังทั่วทั้งประเทศ

เรื่องย่อ ตลอดเวลาที่หลวงพี่เท่งเริ่มเดินทางไปแสวงบุญถึงประเทศทิเบต ขณะนี้ถึงเวลาแล้วที่หลวงพี่เท่งตัวจริงเสียงจริงที่เคยสร้างการเกิดเมื่อแทบ 19 ปีกลาย จะ Comeback กลับมาเพื่อได้พบกับทุกๆคนอีกรอบ…

เมื่อวัดใกล้ภูมิลำเนาของหลวงพี่เท่งมีปัญหา ทำให้หลวงพี่เท่งจำต้องจากความสงบสุขที่เคยมีเป็นราวกับเซฟโซนตอนอยู่ที่ประเทศทิเบตกลับมาเพื่อไขปัญหานั้น แม้กระนั้นเมื่อกลับมาก็กลับจำต้องพบกับปัญหาโลกแตกในแวดวงศาสนา โดยมี “คุณทิน” นักธุรกิจใหญ่ บากบั่นจะยื่นขอเสนอทุกแนวทาง เพื่อหลวงพี่เท่งออกวัตถุบูชาโดยตนจะเป็นคนขายให้ แม้ว่าจะพูดว่าตนเป็นพระสอนไม่ใช่พระเสก

และไม่คิดจะออกวัตถุบูชา หลวงพี่เท่ง Come Back แม้กระนั้นด้วยสิ่งที่จำเป็นท้ายที่สุดหลวงพี่เท่งก็จำเป็นต้องออกวัตถุบูชาจนได้ คุณทินทำการตลาดด้วยการพยายามสร้างสถานะการณ์ให้ทุกคนมีความรู้สึกว่าหลวงพี่เท่งมีอิทธิปาฏิหาริย์ และไม่น่าไว้วางใจวัตถุบูชาหลวงพี่เท่งแคล้วคลาด รุ่น “กลับกัน” ก็ขายดิบขายดีเลื่องลือเป็นดอกไม้ไฟแตก โน่นทำให้ทุกคนยิ่งดูหลวงพี่เท่งที่อิทธิปาฏิหาริย์แทนที่จะมองดูด้วยคำสั่งสอนที่ท่านพากเพียรจะสอนจนถึงทำให้หลวงพี่เท่งอึดอัด ทั้งคุณทินก็ยังเพียรพยายามจะออกวัตถุบูชา หลวงพี่เท่งรุ่นต่อๆไปอีกด้วย โน่นก่อกวนจิตใจของหลวงพี่เท่งเป็นอันมาก am2con

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *